บทความสุขภาพ
บทความสุขภาพ
Office syndrome โรคยอดฮิตในกลุ่มคนทำงาน
ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คือ สภาวะที่พบในผู้ที่ทำงาน มักเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาก , การใช้ท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ระบบการทำงานของร่างกายเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ โดยมีอาการต่าง ๆ เช่น ปวดหลังและปวดไหล่: ส่วนหนึ่งของการนั่งทำงานนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อหลังและไหล่ตึงและปวด
อาการและสาเหตุของการเกิด Office syndrome
- ปวดคอและหัวไหล่: การใช้ท่านั่งที่ไม่ถูกต้องทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและหัวไหล่เกิดความตึงตัว กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุลกัน
- ปวดข้อ : การวางมือหรือการจับเมาส์และคีย์บอร์ดในท่าที่ผิดทำให้เกิดอาการปวดข้อมือ
- อาการปวดศีรษะ : การทำงานนานๆ การมีแสงจ้าที่ไม่เพียงพอหรือมากเกินไปสามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
- เหนื่อยง่ายและความเครียด : การทำงานนานๆ และการต้องดูแลงานหลายอย่างพร้อมกันอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายและเครียด
Office Syndrome สามารถป้องกันได้ด้วย
- การปรับท่านั่ง : ตั้งโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้มีระยะห่างเหมาะสมกัน ระดับสายตากับหน้าจอต้องตรงกัน เท้าทั้งสองข้างต้องวางขนานกับพื้น
- การออกกำลังกาย : ควรออกกำลังกายยืดเหยียดและเพิ่มความแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ
- และการจัดการเวลาทำงานอย่างเหมาะสม : ไม่นั่งทำงานนานเกินไป ขยับร่างกายหรือเปลี่ยนท่านั่งทุก 30-60 นาที
การรักษา Office syndrome
- การทานยาตามคำสั่งแพทย์
- การไปพบนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการดูแล การฝึกกายภาพเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการปรับพฤติกรรมท่าทางในชีวิตประจำวัน
- การรักษาโดยแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตซึ่งสามารถช่วยในการบรรเทาอาการอาการปวดและกล้ามเนื้อที่แข็งตึงได้
การรักษา Office syndrome ด้วยถุงมือคลื่นไฟฟ้า
จะกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ สามารถลดอาการปวดในบริเวณที่มีอาการ ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อลดภาวะข้อต่อยึดติด เพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการเคลื่อนตัวของเนื้อเยื่อ โดยคลื่นไฟฟ้าจะกระตุ้นใยประสาทขนาดใหญ่เพื่อระงับความรู้สึกเจ็บปวด ที่ถูกส่งผ่านไปยังสมองและไขสันหลัง และจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดี ซึ่งการที่เลือดลมไหลเวียนได้ดีนั้น จะทำให้การนำสารอาหารไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้ช่วยลดอาการปวดตึง ลดการอักเสบ และกระตุ้นการปลดปล่อยสารเคมีภายในร่างกายที่ช่วยลดอาการปวด อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูประสาทส่วนปลายเพื่อลดอาการชา
Office syndrome โรคยอดฮิตในกลุ่มคนทำงาน
ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คือ สภาวะที่พบในผู้ที่ทำงาน มักเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาก , การใช้ท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ระบบการทำงานของร่างกายเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ โดยมีอาการต่าง ๆ เช่น ปวดหลังและปวดไหล่: ส่วนหนึ่งของการนั่งทำงานนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อหลังและไหล่ตึงและปวด
อาการและสาเหตุของการเกิด Office syndrome
- ปวดคอและหัวไหล่: การใช้ท่านั่งที่ไม่ถูกต้องทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและหัวไหล่เกิดความตึงตัว กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุลกัน
- ปวดข้อ : การวางมือหรือการจับเมาส์และคีย์บอร์ดในท่าที่ผิดทำให้เกิดอาการปวดข้อมือ
- อาการปวดศีรษะ : การทำงานนานๆ การมีแสงจ้าที่ไม่เพียงพอหรือมากเกินไปสามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
- เหนื่อยง่ายและความเครียด : การทำงานนานๆ และการต้องดูแลงานหลายอย่างพร้อมกันอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายและเครียด
Office Syndrome สามารถป้องกันได้ด้วย
- การปรับท่านั่ง : ตั้งโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้มีระยะห่างเหมาะสมกัน ระดับสายตากับหน้าจอต้องตรงกัน เท้าทั้งสองข้างต้องวางขนานกับพื้น
- การออกกำลังกาย : ควรออกกำลังกายยืดเหยียดและเพิ่มความแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ
- และการจัดการเวลาทำงานอย่างเหมาะสม : ไม่นั่งทำงานนานเกินไป ขยับร่างกายหรือเปลี่ยนท่านั่งทุก 30-60 นาที
การรักษา Office syndrome
- การทานยาตามคำสั่งแพทย์
- การไปพบนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการดูแล การฝึกกายภาพเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการปรับพฤติกรรมท่าทางในชีวิตประจำวัน
- การรักษาโดยแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตซึ่งสามารถช่วยในการบรรเทาอาการอาการปวดและกล้ามเนื้อที่แข็งตึงได้
การรักษา Office syndrome ด้วยถุงมือคลื่นไฟฟ้า
จะกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ สามารถลดอาการปวดในบริเวณที่มีอาการ ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อลดภาวะข้อต่อยึดติด เพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการเคลื่อนตัวของเนื้อเยื่อ โดยคลื่นไฟฟ้าจะกระตุ้นใยประสาทขนาดใหญ่เพื่อระงับความรู้สึกเจ็บปวด ที่ถูกส่งผ่านไปยังสมองและไขสันหลัง และจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดี ซึ่งการที่เลือดลมไหลเวียนได้ดีนั้น จะทำให้การนำสารอาหารไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้ช่วยลดอาการปวดตึง ลดการอักเสบ และกระตุ้นการปลดปล่อยสารเคมีภายในร่างกายที่ช่วยลดอาการปวด อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูประสาทส่วนปลายเพื่อลดอาการชา
