บทความสุขภาพ
“กรดไหลย้อน” โรคยอดฮิตของคนยุคนี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็สามารถเป็นได้โรคนี้เกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นไปสู่หลอดอาหาร ทำให้เกิดการแสบหรือปวดร้อนกลางอก ในทางการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าสาเหตุมาจากความเสียสมดุลของกระเพาะอาหาร ตับและม้าม สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมของเรานั่นเอง เช่น
สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้เข้าข่ายการเป็นโรคกรดไหลย้อนแล้วหรือยัง ลองเช็คอาการของคุณดูว่าคุณเคยมีอาการเหล่านี้หรือไม่ เพื่อที่จะได้ป้องกันและรักษาได้ ทันเวลาค่ะ
ถ้าคุณมีอาการเล่านี้อย่างน้อย 3 ข้อ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณมีอาการของโรคกรดไหลย้อนที่ต้องได้รับการดูแล เป็นพิเศษ
คำแนะนำในการป้องกัน และการบรรเทาโรคกรดไหลย้อน เบื้องต้นคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเป็นอย่างแรกโดยการ
ลมปราณคืออะไร?
พลังงาน/ลม ที่ขับเคลื่อนไหลเวียนภายในร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในต่างๆ หากมีการอุดกั้นติดขัดจะส่งผลทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง ไมเกรน นอนไม่หลับ และการทำงานอวัยวะอื่นๆแปรปรวน
ลมปราณหรือชี่ ทำหน้าที่อะไร?
ฟื้นฟู&ปรับสมดุลลมปราณช่วยอะไร
เชื่อว่าอาการปวดหัวไมเกรน ใครๆก็เคยประสบพบเจอ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย วัยเรียน วัยทำงานหรือวัยเกษียณก็สามารถ เป็นกันได้ทั้งนั้น โดยอาการของไมเกรนคือ ปวดหัวตุบๆ ข้างเดียว หรือลามไปปวดทั้ง 2 ข้าง สามารถย้ายตำแหน่งปวดได้ และอาจจะมีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย ในบางรายอาจจะมีตาพร่ามัว และอาจจะปวดหัวได้นานเป็นวันเลยทีเดียว อาการปวดไมเกรน ในทางการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าเกิดจากการติดขัดในเส้นลมปราณบริเวณศีรษะจากทฤษฎี “การติดขัดทำให้ปวด” นั้นเอง
อย่างไรก็ตามเราสามารถลดปัจจัยที่กระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนได้ง่ายๆ ด้วยการลดและเลี่ยง 6 สิ่งนี้ค่ะ
ดังนั้นหากจะป้องกันไม่ให้เกิดอาหารปวดหัวไมเกรน การตัดวงจรของสิ่งที่จะมากระตุ้น ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีเลยทีเดียวค่ะ
จะมีใครรู้บ้างว่าโรคภูมิแพ้อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว แต่นิสัยการกินในชีวิตประจำวันของเราก็มีส่วนทำให้ เกิดภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่อาการแพ้มักจะเกิดจาก การรับประทานอาหารที่มีสารก่อภูมิแพ้ เช่น อาหารทะเล อาหารจำพวกนมและไข่ หรืออาหารจำพวกถั่ว แต่สำหรับบางคนอาการแพ้ ผด ผื่น คัน อาจเกิดจากนิสัยการบริโภคที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้
หากคุณยังมีนิสัยการบริโภคที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้อยู่ประกอบกับมีอาการแพ้ ผด ผื่น คัน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาลำไส้ใหญ่ต้นเหตุของโรคภูมิแพ้
การนอนหลับช่วง Deep Sleep และ REM เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองในระดับเซลล์ได้ดี และฟื้นฟูด้านสมอง ความจำ อารมณ์
ดังนั้น‼️ เราจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ (7-8 ชม.ต่อวัน) และมีคุณภาพ (หลับลึก)
หลับไม่สนิท หลับยาก อย่าปล่อยไว้ ‼️ ควรวิเคราะห์สาเหตุ และรักษาให้ตรงจุด
โดยปกติแล้วในวัยผู้ใหญ่ ระยะเวลาในการนอนที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือ 7-8 ชั่วโมง แต่ปัญหาที่มักจะพบบ่อยคือ การนอนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างมาก
หลับไม่ดี ส่งผลมากมาย เช่น ทำให้ระบบคุ้มกันไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ความดันสูง เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเบาหวาน ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ รู้สึกเหนื่อยล้าร่างกาย ง่วงซึม นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจด้วย “การนอนหลับพักผ่อนของเราต้องเพียงพอและมีคุณภาพ” โดยจะต้องนอนให้ถึงช่วงวงจร Deep Sleep และ REM Sleep
Deep Sleep คือช่วงเวลาของการหลับลึก เป็นช่วงหลับสนิทที่สุดของการนอน โดยจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงของการนอน ในช่วงนี้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ จะคลายตัวลง หัวใจจะเต้นช้าลง หายใจช้าลง ร่างกายจะผ่อนคลายเต็มที่ และ Growth Hormone ที่มีหน้าที่สำคัญในการซ่อมแซมร่างกายก็จะหลั่งในช่วงเวลานี้ด้วย
REM Sleep คือ ช่วงวงจรการนอนที่กล้ามเนื้อต่าง ๆ หยุดทำงานหมด ยกเว้นหัวใจ กระบังลม กล้ามเนื้อเรียบและ กล้ามเนื้อตา รวมถึงสมองที่ทำงานใกล้เคียงกับตอนที่เราตื่น ดังนั้นจึงเป็นช่วงที่เราเข้าสู้ห้วงแห่งความฝัน จะใช้เวลาตั้งแต่ 30-60 นาทีและจะเกิดขึ้นหลังจาก Deep sleep โดยปกติแล้วทุกคนจะต้องฝันแต่อาจจะจำความฝันไม่ได้ แต่ถ้าหากไม่ได้ฝันเลยหมายความว่าเราไม่ได้หลับยาวนานมากพอ REM Sleep เป็นอีกช่วงที่สำคัญมากของการนอน เพราะการนอนหลับในช่วงนี้จะช่วยเรื่องสมาธิ ความจำ การเรียนรู้ การสร้างจินตนาการ และอารมณ์
ความเครียด (Stress)
ความเครียดเป็นเรื่องระยะสั้น เกิดขึ้นได้กับทุกคน เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น หนทางแก้ปัญหายังมองไม่เห็น จึงเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ภาวะเครียด” จุดสังเกตภาวะเครียดหลัก ๆ คือ บอกได้ชัดเจนว่าเครียดเรื่องอะไร แต่ยังคงทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ อาจมีอาการนอนหลับยาก หลับไม่สนิท รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิ แต่ เมื่อสาเหตุนั้นหายไป หรือปรับตัวได้ ก็จะกลับมาปกติ หากจัดการกับความเครียดที่มีไม่ได้ ก็อาจจะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามความเครียดมาก ๆ สะสมนาน ๆ อาจพาไปสู่การเป็น โรคซึมเศร้าได้เช่นกัน
ซึมเศร้า (Depression)
ซึมเศร้าเป็นเรื่องระยะยาว ไม่ใช่ทุกคนจะต้องเผชิญ ซึมเศร้าเป็น “โรค” ที่ต้องได้รับการรักษา มีสาเหตุเกิดจากหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญกับเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต จนไม่สามารถทำใจได้ หรือเกิดเหตุการณ์สะเทือนจิตใจอย่างต่อเนื่องจน ทำให้สารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ จุดสำคัญที่แตกต่างกันชัดเจน ระหว่าง “ความเครียด“ กับ “ซึมเศร้า” คือ โรคซึมเศร้านั้น จัดเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง เมื่อเป็นโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยบอกไม่ได้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เศร้า และอาการที่เกิดขึ้นกระทบกับการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันให้ผิดปกติไป อีกทั้งยังมีอาการของโรคหลัก ๆ คือ มีอารมณ์เศร้า เบื่อตัวเอง เบื่อคนรอบข้าง โลกไม่น่าอยู่ และรู้สึกไม่มีความสุขในสิ่งเคยทำแล้วมีความสุข
การรักษาในปัจจุบัน จะควบคุมภาวะซึมเศร้าด้วยยาอาจต้องใช้เวลาหลา
ยเดือนเพื่อดูผลการรักษา และปรับยาให้เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด ซึ่งตามมาด้วยผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่มีสารเคมีเป็นระยะเวลานาน
ภาวะซึมเศร้ากับศาสตร์การแพทย์แผนจีน
ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล เป็นหนึ่งในโรคที่แพทย์แผนจีนรักษาได้ผลค่อนข้างดี ที่สำคัญที่สุดคือผลข้างเคียงน้อย และมีความปลอดภัยในระยะยาว
สาเหตุการเกิดโรคในมุมมองของศาสตร์การแพทย์แผนจีน
แพทย์แผนจีนเรามองว่า กลไกการเกิดโรคเกิดจากอารมณ์ทั้ง 7 ได้แก่ โกรธ ดีใจ ตกใจ ครุ่นคิด เศร้า กังวล กลัว ที่มากเกินไปจนทำให้เกิดการติดขัดของลมปราณ เลือด เมื่อเลือดและลมปราณติดขัดไหลเวียนไม่ดีเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดเป็นความร้อน ความชื้น เสมหะสะสมที่คั่งค้างอยู่ภายในร่างกาย จนนำไปสู่ภาวะการเสียสมดุล แนวทางการรักษา จะต้องปรับการเคลื่อนไหวลมปราณและของเสียต่างๆที่คั่งค้าง ทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น การรักษาตามศาสตร์ การแพทย์แผนจีน สามารถรักษาควบคู่ไปกับแพทย์แผนปัจจุบันได้ และจิตบำบัดสามารถป้องกันและรักษาโรคได้ด้วย สุดท้ายไม่ว่าจะเครียดหรือซึมเศร้าความใส่ใจรับฟัง และการให้กำลังใจที่เรามีให้แก่กันเป็นสิ่งสำคัญ
ปวดหลัง ปวดเอว เจ็บสะโพกร้าวลงขา ปวดส้นเท้า สัญญานเตือน! ลมปราณกระเพาะปัสสาวะไหลเวียนติดขัด
มีอาการปวดหลังจนถึงเอว เจ็บสะโพก อาการคล้ายกระดูกทับเส้น ถึงขั้นปวดร้าวลงขาด้านหลังตั้งแต่น่องไปจนถึงส้นเท้า อาการนี้ไม่ใช่แค่อาการเมื่อยเพราะนั่งนานๆเท่านั้น แต่อาจเกิดจากปัญหาระดับเส้นลมปราณก็เป็นได้
พฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของอาการปวดหลัง ปวดสะโพก ปวดน่อง ได้แก่ การทำงานหนัก การออกแรงยกของในอิริยาบถ ที่ผิดเป็นระยะเวลานานๆ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณเอวและสะโพกได้รับบาดเจ็บ การนั่งในท่าเดิมนานๆจนกดทับจุดสลักเพชร (กล้ามเนื้อบริเวณสะโพก) การออกกำลังกายหนัก โดยไม่ได้ยืดเส้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงตัว การดื่มน้ำน้อย การกลั้นปัสสาวะเป็นประจำ ภาวะความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ตามหลักศาสตร์การแพทย์แผนจีน อาการเหล่านี้เกิดจาก เส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะไหลเวียนสะดุดติดขัด หากปล่อยไว้นานวันเข้า โดยไม่ได้รับการรักษาก็อาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราหลากหลายด้าน นอกจากจะมีอาการ ปวดหลัง และสะโพก ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตใจ เช่น ตกใจง่าย หวาดระแวง ขาดสมาธิ กระวนกระวาย และอารณ์แปรปรวนไม่คงที่ ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีภาวะเส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะติดขัดและมีอาการตามที่กล่าว แนะนำให้ปรับสมดุลเส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะที่ติดขัดก่อนเพื่อรักษาอาการปวดด้วยวิธีการ ดังนี้
อาการเจ็บ ปวด เมื่อยร่างกาย เป็นอาการที่เกิดมาจากพฤติกรรมการใช้ร่างกายในชีวิตประจำวันของเราที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ การจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัว หรือถ้ามีความจำเป็นที่จะต้อง ปฏิบัติกิจกรรมเดิม ๆ ใช้ร่างกายแบบเดิม ก็เป็นเรื่องยากที่ทำให้ความเจ็บปวดนั้นหายไป ต้องบอกเลยว่า “เจ็บนี้อีกนาน”ค่ะ
สำหรับใครที่คิดว่า “เจ็บจนพอแล้ว” ไม่อยากจะทนเจ็บอีกต่อไป คุณสามารถหยุดความเจ็บนั้นได้ด้วยการเปิดใจค่ะ อย่างแรกต้องขอบอกเลยว่า “ถ้าคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง วิธีการต้องแตกต่างด้วย”ค่ะ ที่แมริแคร์คลินิก เรานำเสนอเทคโนโลยีคลื่นไฟฟ้าความถี่ต่ำ น้ำมันหอมระเเหยเกรดบำบัด และศาสตร์แพทย์แผนจีนรวมเข้าด้วยกัน เพื่อปรับสมดุลร่างกาย จิตใจ อารมณ์ คลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวด ฟื้นฟูเซลล์ และกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง จุดเด่นก็คือการดูแลสุขภาพจากภายใน เป็นการเปิดโลกการนวดแบบใหม่มาก ความรู้สึกคือ กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไหลผ่านตัว มีอาการตรงไหน เจ็บแปล๊บขึ้นมาตรงนั้น แต่อย่างที่บอก “มันเป็นความเจ็บที่ทนได้” ค่ะ
คนที่อายุไม่เท่าไรแต่มีจุดแข็งที่คอ บ่า ไหล่ ถือว่าความเจ็บนี้เป็นความเจ็บที่คุ้มค่า “เจ็บแต่จบ” เจ็บเพื่อร่างกายได้รับ การรักษา เจ็บเพื่อที่จะไปต่อได้ นอกจากจะเจ็บแต่จบทางร่างกายแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นได้ด้วย ใครที่สนใจในศาสต์จีน เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงจะเจ็บแต่ผลลัพธ์ดีแน่นอน เรื่องความสวยความงามที่นี่ก็มีบริการ ที่สำคัญได้รับคำแนะนำจาก ผู้เชี่ยวชาญกลับบ้านไปดูแลสุขภาพอีกด้วยนะ
อาการ
เมื่อสมองขาดเลือดจะทำให้สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งอาการแสดงต่างๆ จะมากหรือน้อยขึ้นกับระดับความรุนแรงและตำแหน่งของสมองที่ถูกทำลาย
อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ในรายที่มีภาวะสมองขาดเลือดแบบชั่วคราว อาจมีอาการเตือนเหล่านี้เกิดขึ้นชั่วขณะแล้วหายไปเอง หรืออาจเกิดขึ้นได้หลายครั้งก่อนจะมีอาการสมองขาดเลือดแบบถาวร ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาการของโรคหลอดเลือดสมองจัดเป็นอาการร้ายแรงและอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือหากไม่ถึงชีวิต ก็อาจทำให้กลายเป็นโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองและต้องใช้เวลาในการรักษาฟื้นฟูสุขภาพต่อไป
วิธีสังเกตอาการเบื้องต้น
“FAST” หมายถึง:
แนวทางการป้องกัน
การป้องกันเป็นการรักษาโรคหลอดเลือดสมองที่ดีที่สุด และควรป้องกันก่อนการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง คือ ต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมให้หลอดเลือดเกิดการตีบ อุดตัน หรือแตก เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ หรือขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น
วิธีการรักษา
ข้อแนะนำ ข้อควรระวัง